ซีพีเอฟพร้อมปัน “น้ำปุ๋ย” จากระบบบำบัดฟาร์มหมู โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ หวังช่วยเกษตรกรผู้เพาะปลูกพืชในชุมชนรอบสถานประกอบการ ซีพีเอฟผ่อนคลายวิกฤติภัยแล้ง
นายสมพร เจิมพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ.เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงเกิดขึ้นรุนแรงกว่าหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งจะกระทบกับการเพาะปลูกของพี่น้องเกษตรกร บริษัทฯจึงเตรียมความพร้อมแบ่งปันน้ำ จากฟาร์มสุกรที่ออกมาจากระบบไบโอแก๊สและผ่านระบบการบำบัดแล้ว ขณะนี้ได้ให้แต่ละฟาร์มสำรวจความต้องการเกษตรกร และเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือในการจ่าย “น้ำปุ๋ย” ให้กับเกษตรกรที่อยู่รอบๆฟาร์ม เพื่อช่วยลดความเสียหายของผลผลิตทางการเกษตรจากวิกฤติแล้ง
ขณะเดียวกันยังได้ตอบรับนโยบายของภาครัฐที่ให้ผู้ประกอบการนำน้ำที่ผ่านระบบบำบัด ซึ่งเป็นน้ำที่มีคุณภาพได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดแล้วมาช่วยการเพาะปลูกของเกษตรกร
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปี 2545 ซีพีเอฟ.ได้แบ่งปันปันน้ำปุ๋ย ให้พี่น้องเกษตรกรหลายพื้นที่นำไปใช้ในไร่อ้อย ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยูคาลิปตัส ปาล์ม สวนผลไม้ ฯลฯ อย่างต่อเนื่องจนถึงปีนี้มีเกษตรกร 113 รายรับน้ำไปใช้ในแปลงเพาะปลูกบนพื้นที่รวม 3,650 ไร่
“ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ดำเนินโครงการฯ ได้มีส่วนช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยให้กับเกษตรกรได้มากกว่า 1.99 ล้านบาทต่อปี นอกจากฟาร์มสุกรแล้ว โรงชำแหละของบริษัท อาทิ ที่โรงชำแหละสระแก้ว มีเกษตรกรขอนำน้ำที่ผ่านระบบบำบัดไปใช้ในไร่อ้อย 100 ไร่ ทั้งช่วยแก้ปัญหาขาดน้ำและลดค่าปุ๋ยได้ถึงปีละ 300,000 บาท” นายสมพรกล่าว
นายสมพร กล่าวว่านอกจากฟาร์มสุกรแล้ว โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ จ.นครราชสีมาและจ.สระบุรี บริษัทฯ ยังพร้อมนำน้ำที่ผ่านระบบการบำบัดและมีคุณภาพตามมาตรฐานแล้ว ประมาณ 11,000 ลูกบาศก์เมตร/โรงงาน/วัน แบ่งปันให้พี่น้องเกษตรกรที่เพาะปลูกอยู่รอบโรงงาน ซึ่งที่ผ่านมามีเกษตรกรในชุมชนรอบโรงงานขอรับน้ำไปใช้ในแปลงเพาะปลูกอย่างต่อเนื่อง
ด้านนางยุพิน อะตะมะ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดหวาน 2 ไร่ และพืชผักสวนครัวอีก 1 ไร่ ในพื้นที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในเกษตรกรในชุมชน 20 รายที่นำ “น้ำปุ๋ย” จากฟาร์มสุกรซีพีเอฟ.มาตั้งแต่ปี 2561 กล่าวว่า หลังจากใช้น้ำปุ๋ยจากฟาร์มสุกรจอมทอง ไม่เพียงช่วยบรรเทาความเสียหายของพืชผลจากปัญหาภัยแล้ง แต่ยังช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมี และผลผลิตเพิ่มขึ้น อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาต้องใช้ปุ๋ยเคมีประมาณ 4 กระสอบ ตอนนี้ลดใช้ปุ๋ย เหลือเพียง 2 กระสอบเท่านั้น เพราะน้ำที่ได้นี้มีสารอาหารที่เหมาะกับพืชแล้ว ช่วยให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนที่ไม่ได้ใช้น้ำปุ๋ย ได้ผลผลิตต่อไร่ 900-1,000 กิโลกรัม หลังจากใช้น้ำปุ๋ยปัจจุบันได้ผลผลิตเพิ่มเป็น 3,000 กิโลกรัมต่อไร่
ที่สำคัญน้ำปุ๋ยจากฟาร์มยังมีไนโตรเจนและฟอสฟอรัส ที่เป็นธาตุอาหารสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีและโชคดีมากที่ซีพีเอฟ.แบ่งปันน้ำปุ๋ยมาเสริมในช่วงสถานการภัยแล้งที่เกษตรกรหวาดกลัว
ส่วน นางวันดี สิงห์ทะ ที่ปลูกข้าวโพดหวานบนพื้่นที่ 4 ไร่ กล่าวว่า หลังจากใช้ “น้ำปุ๋ย” มีผลผลิตเพิ่มเป็นไร่ละ 2,500 กิโลกรัมจากที่เคยได้ 1,500 กิโลกรัมต่อไร่ และลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้มากกว่าเท่าตัว เพราะน้ำปุ๋ยมีไนโตรเจนและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นธาตุอาหารสำคัญต่อการเจริญเติบโตของข้าวโพด
นอกจากฟาร์มสุกรแล้ว โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ จ.นครราชสีมาและจ.สระบุรี บริษัทฯ ยังพร้อมนำน้ำที่ผ่านระบบการบำบัดและมีคุณภาพตามมาตรฐานแล้ว ประมาณ 11,000 ลูกบาศก์เมตร/โรงงาน/วัน แบ่งปันให้พี่น้องเกษตรกรที่เพาะปลูกอยู่รอบโรงงาน ซึ่งที่ผ่านมามีเกษตรกรในชุมชนรอบโรงงานขอรับน้ำไปใช้ในแปลงเพาะปลูกอย่างต่อเนื่อง
นายสำราญ โสดานิล เกษตรกรที่รับน้ำจากโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ครบวงจรซีพีเอฟ ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี กล่าวว่า ตนเองทำสวนเกษตรผสมผสานบนพื้นที่ 7 ไร่ โดยขอรับน้ำจากโรงงานซีพีเอฟ ตั้งแต่ปี 2557 สำหรับใช้รดต้นกล้วย มะนาว และพืชอื่นๆ แต่ละเดือนรับน้ำประมาณ 115 ลูกบาศก์เมตร และช่วยประหยัดน้ำได้ถึง 2,500 บาทต่อเดือน ซึ่งช่วยเกษตรกรผ่านวิกฤติภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงได้แล้ว ยังช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการลดต้นทุนได้อีกทางหนึ่งด้วย
กานต์ เหมสมิติ รายงาน