สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
‘สนธิรัตน์’ ขับเคลื่อนดีเซล บี 10 เกรดพรีเมี่ยม ระบุจะเป็นหนึ่งในน้ำมันเกรดมาตรฐาน สร้างความยั่งยืนด้านพลังงาน ถือฤกษ์ 1 ม.ค.63 เปิดให้บริการประชาชน คาดกลางปีนี้ยอดขยับ 75 ล้านลิตรต่อวันทุกปั๊มน้ำมันปตท. ทั่วประเทศ
วันที่ 1 ม.ค.63 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังได้ลงพื้นที่ติดตามสถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาวิภาวดี 11 ในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ โดยมีนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ซีอีโอ. ปตท. ให้การต้อนรับ เมื่อเวลา 11.00-12.00 น.ว่าการเปิดให้บริการน้ำมันดีเซล บี 10 ได้ดำเนินนโยบายกำหนดน้ำมันดีเซล B10 ให้เป็นน้ำมันเกรดมาตรฐาน ถือเป็นการนำร่องครั้งสำคัญของพลังงานไทย ที่รัฐบาลมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562 โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นไป น้ำมันดีเซล B10 จะเป็นหนึ่งในน้ำมันเกรดมาตรฐาน ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้รถ ที่สำคัญ ซึ่งจะสร้างความยั่งยืนด้านพลังงานในประเทศไทย 4 ด้าน คือ
ลำดับแรกสร้างสมดุลปาล์มน้ำมันในประเทศทั้งระบบ ราคาปาล์มมีเสถียรภาพ ตามที่สัญญาไว้ก่อนเลือกตั้งของพรรคพลังประชารัฐ ,ช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) คิดเป็น 2 ใน 3 ของกำลังการผลิต CPO ในไทย และลดปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลจากปิโตรเลียม ,ช่วยลดมลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM. 2.5 ที่เกิดขึ้นในชุมชนเมือง และ ข้อสุดท้ายประชาชนจะได้ใช้น้ำมันราคาถูกลงและมีคุณภาพมากขึ้น
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่าพลังงานในอนาคตจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบหากคนไทยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการใช้ดีเซล B10 แทนที่ B7 พร้อมกันทั้งประเทศ ซึ่งกระทรวงพลังงานยืนยันว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ดีเซล B10 จะมีความพร้อมจำหน่ายในทุกสถานี เพื่อบริการประชาชนได้เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การผลักดันดังกล่าวจะทำให้เกิดประโยชน์แก่รถยนต์ที่รองรับ
รถยนตร์คันแรกที่ประชาชนนำเข้ารับบริการเติมน้ำมันดีเซล บี 10 วันที่ 1 ม.ค. 2563 เวลา 11.30น.
จำนวน 5.3 ล้านคัน หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของรถที่รองรับน้ำมันดีเซลทั้งหมด จึงคาดการณ์ว่า จะมีการใช้ไม่น้อยกว่า 7 ล้านลิตรต่อวัน จากสถานีจำหน่ายที่ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 ได้ขยายถึงกว่า 500 สถานีและจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งคาดว่าเมื่อถึงกลางปี 2563 ปริมาณการจำหน่ายจะสูงขึ้นถึงประมาณ 57 ล้านลิตรต่อวัน ช่วยลดการปล่อยมลพิษ ลดฝุ่นละอองได้ประมาณ 15% และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ประมาณ 5% และยังช่วยให้คนไทยประหยัดค่าเชื้อเพลิงไปได้อีก 2 บาทต่อลิตร
จรัญ ชุ่มเงิน รายงาน