“ธรรมนัส” เผย นายกรัฐมนตรีห่วงปัญหาภัยแล้งและฝุ่น pm 2.5 สั่งกรมฝนหลวงเริ่มปฏิบัติการตามแผนประจำปีเร็วขึ้น 1 เดือน พร้อมสนับสนุนเรื่องบุคลากรและอากาศยาน เผยปัจจุบันมีไม่เพียงพอเหตุจากภารกิจมากขึ้น
30ม.ค.63 /ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้แก้ปัญหาภัยแล้งและฝุ่นละออง PM 2.5 จึงสั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องในฤดูแล้งนี้ หากพบว่า บริเวณใดสภาพอากาศเอื้ออำนวยให้หน่วยฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วซึ่งมีอยู่ 3 ชุดบินขึ้นปฏิบัติการทันที
ขณะนี้อยู่ในห้วงที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ตรวจสอบและซ่อมบำรุงอากาศยาน ปกติแล้วแผนเปิดหน่วยฝนหลวงประจำปีจะเริ่มวันที่ 1 มีนาคม แต่ปีนี้จะเลื่อนเร็วขึ้นมาเป็นวันที่ 3 กุมภาพันธ์เนื่องจากแนวโน้มสถานการณ์ภัยแล้งและฝุ่นละออง PM 2.5 จะรุนแรง
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเห็นสมควรที่จะขยายอัตรากำลังเจ้าหน้าที่กรมฝนหลวงฯและเพิ่มจำนวนอากาศยานเพราะภารกิจมีมาก จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้เกิดความแห้งแล้งถี่และนานขึ้น ตลอดจนในปี 2562 ช่วงที่มีปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 หลายพื้นที่ กรมฝนหลวงฯ ได้ปฏิบัติการทำให้พ้นวิกฤติมาได้ มั่นใจว่า การขออัตรากำลังเพิ่มไปยังคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ซึ่งเสนอขอรับข้าราชการเพิ่มประมาณ 300 คนและพนักงาน 400 คนนั้นจะได้รับการพิจารณาตามความเหมาะสมของภารกิจและปริมาณงาน
ขณะที่นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรกล่าวว่า หน่วยฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว 3 ชุดประจำอยู่ที่สนามบินนครสวรรค์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด หากพบที่ใดมีความชื้นสัมพัทธ์และดัชนีการยกตัวของเมฆเหมาะสมจะบินขึ้นทำฝนทันที การทำฝนช่วยทั้งแก้ภัยแล้ง เพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ และยังช่วยลดฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งในปีนี้มีแผนการทำงานเหมือนปีที่แล้ว โดยได้รับอนุญาตให้บินเข้าใกล้ท่าอากาศยานนานาชาติได้มากขึ้น จากปกติต้องอยู่ห่างไม่น้อยกว่า 60 ไมล์ โดยสามารถอยู่ห่างไม่น้อยกว่า 45 ไมล์ได้ซึ่งจะสามารถบินปฏิบัติการบริเวณจังหวัดนครนายกและฉะเชิงเทราเพื่อก่อเมฆ แล้วให้ลมพัดพามาตกเป็นฝนในกรุงเทพฯ ได้
สำหรับการเปิดหน่วยฝนหลวงประจำปีระหว่างวันที่ 3-16 กุมภาพันธ์ 2563 จะเปิดหน่วยปฏิบัติการ 6 หน่วย ได้แก่ จ.พิษณุโลก นครสวรรค์ ขอนแก่น บุรีรัมย์ ระยอง และสุราษฎร์ธานี โดยใช้อากาศยานรวม 12 ลำ เป็นเครื่องบินฝนหลวง 8 ลำและเครื่องบินกองทัพอากาศ 4 ลำ
อีกทั้งเปิดฐานเติมสารฝนหลวง 1 ฐานที่ จ. เชียงใหม่ จากนั้นตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไปจะเปิดหน่วยปฏิบัติการทั้งหมด 11 หน่วยได้แก่ จ.เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ กาญจนบุรี ขอนแก่น อุดรธานี บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) และสุราษฎร์ธานี โดยใช้อากาศยาน 29 ลำ เป็นเครื่องบินฝนหลวง 23 ลำและเครื่องบินกองทัพอากาศ 6 ลำ รวมถึงเปิดฐานเติมสารฝนหลวง 5 ฐานที่จ.ตาก ลพบุรี สกลนคร จันทบุรี และสงขลา (หาดใหญ่)
จรัญ ชุ่มเงิน รายงาน