รูปปั้นหุ่นขี้ผึ้ง”หลวงพ่อเต๋ คงสุวรฺรณโณ” (คงทอง) พระครูภาวนาสังวรคุณ
อิทธิฤทธิ์”กุมารทอง หลวงพ่อเต๋ คงทอง” เรียกทรัพย์ ร่ำรวยเงินทอง มีเมตตา มหานิยม ใครมีไว้ครอบครอง รวยไปเฮงๆ
กุมารทอง เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ของไทย ที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ โดย”กุมารทอง” นั้นเป็นวิญญาณของเด็กผู้ชายหากเป็นเด็กผู้หญิงจะเรียกว่า”โหงพราย” สามารถแสดงตัวตนให้คนในบ้านเห็นเป็นรูปเป็นร่างหรือผู้อื่นเห็น กุมารทองสามารถบรรดาลโชคลาภเงินทอง มีเมตตา มหานิยม และยังเป็นมหาเสน่ห์ นิยมบูชาไว้ที่บ้านร้านค้าเพื่อเฝ้าและปกป้องเมื่อยามมีภัย
ที่สำคัญช่วยค้าขายเป็นความเชื่อของคนไทยในเรื่องจิตวิญญาณ กุมารทองปัจจุบันนิยมสร้างในลักษณะเด็กไว้ผมจุกนุ่งโจงกระเบนอย่างโบราณกลายเป็นเครื่องราง ต่อมาสถานภาพทางสังคมและวัฒนธรรมพัฒนาเปลี่ยนไปไม่สามารถสร้างกุมารทองจากศพทารกจริงๆได้จึงได้มีการดัดแปลงกรรมวิธีการสร้างกุมารทองขึ้น
หลวงพ่อแย้ม ฐานยุตโต”พระครูประยุตนวการ”
อย่างไรก็ตาม กุมารทองเป็นของขลังมาแต่ครั้งโบราณมีความเชื่อมายาวนาน ในตำนานกุมารทองใน วรรณคดีเรื่อง”ขุนช้างขุนแผน” กล่าวถึงกำเนิดกุมารทองไว้ว่า “ขุนแผนจับได้ว่านางบัวคลี่คิดที่จะวางยาฆ่าตนจึงได้ลงมือฆ่านางบัวคลี่เสียก่อนจากนั้นได้ทำการผ้าท้องเอาเด็กในครรภ์ซึ้งเป็นเด็กชายที่เกิดจากตนและนางมาทำเป็นกุมารทอง โดยนำศพเด็กมาทำพิธีย่างและปิดทองคำเปลวกลายเป็นผีกุมารทองแล้วห่อผ้าไว้” กุมารทองจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อขุนแผน เพราะกุมารทองเป็นบุตรชายคนหนึ่งจัดว่าเป็นของวิเศษอย่างหนึ่งสันนิษฐานว่าได้รับความนิยมมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
มาในสมัยปัจจุบันก็ยังมีผู้คนนิยมและเลี้ยงกุมารทอง จึงได้มีการดัดแปลงกรรมวิธีการสร้างให้รวบรัดเหมาะสมเข้ากับยุคสมัย ประจุพุทธาคม ปลุกเสกด้วยเวทวิทยาตามตำรากลายเป็นเครื่องรางของขลังที่ทรงอานุภาพในมหิทธานุภาพ กุมารทองที่ได้รับความนิยมเนื่องจากมีประสบการณ์มากมาย
กุมารทองเจ้าสัว อยู่ที่วัดสามง่าม”วัดอรัญญิการาม”
กุมารทอง ที่รับความนิยมสูงและมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ คือกุมารทองของ”วัดสามง่าม” (วัดอรัญญิการาม)ตำบลสามง่าม อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม จัดสร้างโดย”หลวงพ่อเต๋ คงสุวรรณฺโณ” (คงทอง)(พระครูภาวนาสังวรคุณ)ผู้เป็นปฐมบทสร้างกุมารทอง และผู้ที่สืบทอดต่อ”หลวงพ่อแย้ม ฐานยุตโต”(พระครูประยุตนวการ) ซึ่งหลวงพ่อเต๋ คงทอง ได้ศึกษามาจาก หลวงพ่อแดง มีศักดิ์เป็นลุง โดยเตรียมมวลสารที่เตรียมไว้นำมาบดแล้วตากแห้งนำมาเข้าเตาเผาให้แห้งอีกครั้ง พอได้ฤกษ์ที่กำหนดนำดินมาปั้นเป็นกุมารทองมาประกอบพิธีปลุกเสกด้วยการประจุพระเวทวิทยาคมที่เข้มขลังด้วยเอกอุตามตำรากำหนดจิตตั้งธาตุด้วยอาการ 32 ให้มีตัวตนบังเกิดเป็นกุมารทองอันสมบูรณ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกฤดาภินิหาร ตามตำราต้องปลุกเสกให้ครบหนึ่งพรรษาก่อนให้ผู้มีความศรัทธานำไปเลี้ยงดูบูชาให้ช่วยเหลือตามความประสงค์ลายละเอียดลึกๆจะนำข้อมูลในเชิงลึกนำมาเป็นแนวทางให้ท่านผู้อ่านได้ตัดสินใจที่จะบูชา
มีดาราและนักแสดง นักร้อง นามว่า”วันชัย พงศ์สมเพชร” ผู้มีความกตัญญูต่อบุพการีผู้หนึ่ง และยังช่วยทำบุญอื่นที่วัดหรือหน่วยงานร้องขอมา อีกทั้งยังช่วยบริจาดโลงศพให้แก่ผู้ยากไร้ ไม่มีใครรู้จักในชื่อที่กล่าวข้างบนนี้ถ้าเอ่ยชื่อ”โจโจ้ อีส” หรือ”โจโจ้อีส บ้านกุมารทอง” มีความเลื่อมใสและศรัทธาในกุมารทองของหลวงพ่อเต๋
กุมารทองที่”โจโจ้ อีส”สะสมไว้ (ส่วนหนึ่ง)
เนื่องจากได้เช่าบูชามาไว้ที่ร้านขายอาหารที่ตนเปิดทำให้ค้าขายดีตอนนั้นได้ไปทำร้านอาหารที่จังหวัดกำแพงเพชรแต่ก็ต้องเลิกกิจการเพราะไม่มีใครดูแลแม่ซึ่งแม่มีอายุมาก กลับเข้ามากรุงเทพฯอีกครั้งเข้ามาสมัครเป็นนักร้องสถานบันเทิงย่านถนนเพชรบุรี และรัชดาภิเษก และได้เข้าสู่วงการบันเทิงและร้องเพลงเป็นอาชีพที่รักทำงานไปด้วยและก็ยังไม่ลืมเรื่องกุมารทองเพราะทำให้ตนนั้นมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามลำดับ
ทั้งนี้ มีเหตุการณ์ขึ้นกับตนหลายครั้งจะยกตัวอย่างสักเหตุการณ์หนึ่งคือ”เมื่อปลายปี พ.ศ.2554 เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่บ้านที่บางบัวทองที่อาศัยอยู่นั้น เห็นว่าน้ำที่ท่วมมีทีท่าจะท่วมมากขึ้นจึงได้ย้ายครอบครัวไปหาที่อยู่ชั่วคราวจึงมีเหลือแต่กุมารทองหลวงพ่อเต๋และหลวงพ่อปู่แย้มอยู่ในบ้านจึงไม่สามารถเอาออกมาได้ มีคืนหนึ่งมีผู้อาศัยในหมู่บ้านเดียวกันก็ไปอยู่ข้างนอกได้กลับมาความเรียบร้อยของบ้านต้นจึงเห็นว่าบ้านของโจโจ้ อีสมีไฟสว่างจ้าเหมือนมีคนอาศัยอยู่ในบ้านทั้งที่บ้านได้ตัดไฟแล้ว เมื่อน้ำลดลงจึงได้กลับมาคนที่เห็นเหตุการณ์จริงได้ถามโจโจ้ อีส ก็ได้ตอบว่าตนก็ได้ออกไปอยู่ข้างนอกพึ่งกลับมา เป็นเหตุปาฏิหาริย์ทียังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้และยังเป็นความเชื่อส่วนบุคคล
วันชัย พงศ์สมเพชร “โจโจ้ อีส”
เมื่อบูชากุมารทอง…. ต้องเอาใจใส่เสมือนว่าผูกพันระหว่างจิตของผู้เลี้ยงวิณญาณกุมารทองต้องการเอาใจใส่ หมั่นดูแลรักษาพูดหยอกล้อเหมือนกับเลี้ยงดูลูกหรือเด็กเล็กคนหนึ่ง หมั่นปฏิบัติบูชาดูแลรักษาเป็นอย่างดี จะให้คุณวิเศษครบทุกด้านทั้งโชคลาภ เมตตา ค้าขาย เฝ้าทรัพย์สินบ้านเรือนและคอยเตือนภัย
อย่างไรบ้างก็ตามคุณวิเศษทั้งปวงเหล่านั้นจะบังเกิดได้หรือไม่ ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ดวงชะตา กรรมเก่าและจังหวะโอกาส ซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกันล้วนเป็นปัจจัยส่งผลกระทบทั้งสิ้น มีความศรัทธา ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งดีแต่อย่าให้ถึงขั้นงมงายควรยึดเป็นขวัญกำลังใจในสัมมาอาชีพ
เรื่อง/ภาพ โดย พรหมพิริยะ จันทร์เพ็ญ