ระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิตและการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2562/63 ระหว่างวันที่ 11 – 15 กุมภาพันธ์ 2563 ในพื้นที่ จังหวัดน่าน แพร่ และพิษณุโลก ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่สำคัญของประเทศ พบว่า เนื้อที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2562/63 (ข้อมูลพยากรณ์ ณ เดือนธันวาคม 2562) คาดว่ามี 1.204 ล้านไร่ ลดลงจากปี 2561/62 ที่จำนวน 1.270 ล้านไร่ (ลดลงร้อยละ 5)
ด้านผลผลิตคาดว่ามี 0.763 ล้านตัน ลดลงจากปี 2561/62 ที่จำนวน 0.886 ล้านตัน (ลดลงร้อยละ 14) เนื่องจากปีนี้ ประสบปัญหาการระบาดของหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด และผลกระทบจากภัยแล้ง ส่งผลให้ผลผลิตเสียหายบางส่วน
สำหรับ ปี 2563 คาดว่าราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรขายได้ ความชื้นไม่เกิน 14.5% จะใกล้เคียงกับปี 2562 เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ ประกอบกับภาครัฐได้ดำเนินมาตรการกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ ในอัตรา 1 : 3 เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม – กุมภาพันธ์) ราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 7.80 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.95 บาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดียวกันของปี 2562 (ลดลงร้อยละ 13) เนื่องจาก เดือนกุมภาพันธ์ 2563 เป็นเดือนแรกที่เปิดให้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สปป.ลาว กัมพูชา และเมียนมา ภายใต้กรอบความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ภาษี 0% จึงทำให้มีการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปริมาณมาก และคาดว่าน่าจะมากกว่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาในประเทศมีแนวโน้มลดลง
ด้านนางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวรัฐบาลได้ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2562/63 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้รับราคาที่เหมาะสมตามราคาตลาด และมาตรการคู่ขนานอีก 6 มาตรการ ได้แก่
อัญชนา ตราโช รองเลขาธิการ สศก.
1.การบริหารจัดการการนำเข้ากำหนดให้นำเข้าได้เฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – สิงหาคม ของทุกปี
2.การดูแลความเป็นธรรมในการซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
3.การเพิ่มช่องทางการจำหน่าย โดยเชื่อมโยงผลผลิตกับผู้รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
4.การดูแลความสมดุลโดยแจ้งปริมาณการครอบครองการนำเข้า สถานที่เก็บ และสต็อก
5.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และ
6.สนับสนุนให้ผู้ประกอบการค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เก็บสต็อกผลผลิตโดยไม่ต้องเร่งระบาย
ทั้งนี้ ในส่วนของสถานการณ์ภัยแล้งที่คาดว่ายังมีแนวโน้มยืดเยื้อออกไป อาจจะส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินมาตรการป้องกันเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว ภายใต้แผนการป้องกันและเผชิญเหตุภัยแล้งด้านการเกษตร อาทิ การส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย และรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรทราบสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อวางแผนการผลิตให้เหมาะสม ต่อไป
กัลฑภรณ์ สุขเย็น รายงาน