สรุป 9 ข้อคิดสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ไทยที่ต้องการเจาะตลาดจีน จาก “กิจกรรมบ่มเพาะผู้ประกอบการ แบรนด์ไทยสู่ตลาดจีน” (Over the Great Wall : Now Normal Era) โดยสำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีน Thailand Smart Trade Center หรือ TSTC เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยที่ต้องการทำการตลาดในจีน โดยเฉพาะเมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 (COVID-19) ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
- จีนมีพัฒนาการในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดค่อนข้างดี ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโตขึ้นท่ามกลางวิกฤตการณ์โควิด-19 (COVID-19) จนเข้าสู่ปี 2564 ก็ยังดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและไปในทิศทางที่ดีขึ้นต่างจากประเทศอื่นๆ ในโลก คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะแซงสหรัฐฯ ภายในปี 2573 ด้วยการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital Platform) เน้นการพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศ และวางเป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาด
- กลุ่มเป้าหมายของผู้บริโภคที่ควรศึกษา คือ กลุ่มที่เติบโตมาจากนโยบายลูกคนเดียวเพราะมีพฤติกรรมซื้อสินค้าออนไลน์เป็นช่องทางหลัก และรองลงมาคือกลุ่มผู้สูงอายุที่ค่อนข้างมีกำลังซื้อสูง
- พฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนมีความหลากหลายทั้งภูมิภาค ความแตกต่างทางวัฒนธรรม เพศ อายุ ผู้ประกอบการต้องศึกษาให้ดี
- การจดเครื่องหมายการค้า (Trade Mark) ให้เรียบร้อยก่อนไปบุกตลาดจีนเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการเสียเปรียบทางธุรกิจ
- นับตั้งแต่เกิดโควิด-19 ตลาดอี-คอมเมิร์ซในจีนเจริญเติบโตขึ้นมากถึง 37% เพราะการซื้อขายออนไลน์เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายและสะดวกกว่าออฟไลน์ โดยในแอปพลิเคชั่น Taobao ที่มีผู้ใช้ 874 ล้านคนนั้น 60% เป็นผู้ซื้ออายุต่ำกว่า 30 ปี ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเมื่อต้องทำ Target group
-
- ช่วงเทศกาลช้อปปิ้ง 6.18 ซึ่งเป็นเทศกาลออนไลน์กลางปีครั้งยิ่งใหญ่อีกงานหนึ่งของจีน ในปีนี้ได้สร้างสถิติสูงสุดมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยสินค้าที่ขายดีและมาแรง คือ สินค้าสุขภาพความงาม และผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเรื่องสุขภาพ
- ควรเลือกใช้เครื่องมือทางการตลาดที่ยังคงทรงพลังท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชั่น เว็บไซต์ หรือ โซเชียล มีเดีย เพราะสามารถเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มได้
-
- โซเชียล แพลตฟอร์มที่กำลังเป็นที่นิยมในจีนคือ Douyin แอปพลิเคชั่นวิดีโอสั้นที่รู้จักกันในชื่อ Tik Tok ซึ่งเป็นช่องทางที่ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น หากเจ้าของแบรนด์สร้างสรรค์คอนเท้นต์ที่ทำให้เห็นถึง “ความคุ้มค่าที่จะซื้อ” ได้มากเท่าไรย่อมได้เปรียบ เพราะจากข้อมูลพบว่า 64% ของผู้บริโภคจีนนั้นยินดีที่จะลองสินค้าใหม่
- WeChat Official Account และช่องทางต่างๆ ในการสื่อสาร ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในประเทศจีนแล้วสามารถสร้างบัญชีผู้ใช้เองได้ หรือจะให้บริษัทที่เชี่ยวชาญในด้านนี้มาดูแลให้ก็ได้ เพราะจะต้องหมั่นสร้างคอนเทนต์ และบริหารงานแอคเค้าท์ให้มีการเติบโต เพิ่มจำนวนผู้ติดตามเพื่อสร้างยอดขายให้สูงเพิ่มขึ้นได้ต่อไป
สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการไทยที่มีประสบการณ์การทำตลาดในจีนร่วมให้ความรู้มากมาย อาทิ นายยงค์กิจ ธรรมพัฒนาภรณ์ กรรมการบริหาร ศูนย์สร้างโอกาส ธุรกิจไทยสู่จีน, นายศิวัสน์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, นางสาวณัฐชานันท์ พาณิชย์วโรชา เจ้าของแบรนด์ PASJEL, นายสุวัฒน์ รักทองสุข ผู้บริหาร บริษัท เลิศ โกลบอล กรุ๊ป จำกัด, นายกิตติพนธ์ นามพิชญ์ธนสิน ซีอีโอ บริษัท คิสออฟบิวตี้ จำกัด และผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ได้แก่ Ms. Lea Zhang ผู้จัดการอาวุโส ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Tmall Global, Mr. Jet Zhou ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ Dermatosis Cultural Tourism และ Ms. Summer Deng ผู้บริหาร Guangzhou