น้ำมะม่วงหิมพานต์ เครื่องดื่มสุขภาพหนึ่งเดียวในเอเชีย
บริษัท เดอะแคชชูวี่ ภูเก็ต (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในเครือของ ศรีศุภลักษณ์ ออคิด ซึ่งได้ทำธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเม็ดมะม่วงหิมพานต์และของฝากจากภูเก็ต มานานกว่า 50 ปี ภายใต้การบริหารงานของ คุณศุภลักษณ์ สุหิรัญญวานิช โดยเป็นการต่อยอดจากธุรกิจเดิมของทางบ้านซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปและผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์
คุณศุภลักษณ์ เป็นลูกสาวคนโต ของ บ. ศรีบูรพา ออคิด จก. ซึ่งได้ช่วยดูแลกิจการคุณพ่อคุณ แม่ จนกระทั่งน้อง ๆ ทั้ง 3 คน ได้เรียนจนมาช่วยเหลืองานได้แล้ว ก็มาขยายธุรกิจเพิ่มขึ้น ชื่อ บริษัท ศรีศุภลักษณ์ ออคิด จำกัด ในปี พ.ศ. 2533 จำหน่ายเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 12 รส และของฝากที่มีคุณภาพจากเกาะภูเก็ต ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ที่มาเที่ยว จ. ภูเก็ต ซึ่งเป็นที่รู้จักเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจ จากลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และได้สืบสานเจตนารมย์ของบรรพบุรุษ ในการประกอบธุรกิจเม็ดมะม่วงหิมพานต์ พร้อมทั้งขยายงานการผลิต ประดิษฐ์ และคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น น้ำแคชชูวี่ ที่อร่อยบำรุงสุขภาพ ซึ่งผลิตจากผลิตจากผลมะม่วงหิมพานต์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าทางการเกษตร กับชาวเกษตรกร จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
คุณศุภลักษณ์ บอกเล่าความเป็นมาในรายการ “รู้ทันเศรษฐกิจ”ทางวิทยุ FM. 97.0 MHz.ดำเนินรายการโดย “จรัล ชุ่มเงิน” ช่วงเวลา 10.00-11.00 น.(ทุกวันเสาร์) เมื่อไม่นานมานี้ ว่า ทำไมถึงคิดผลิตน้ำแคชชูวี่ “….ในปี ค.ศ. 1999 ท่านประธานาธิบดี เจียง เจ๋อ หมิน จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ท่านได้มาและพักที่ภูเก็ต ก่อนที่ท่านจะมีโปรแกรมต่อไปที่ ประเทศออสเตรเลีย ประชุม APEC น้องลักษณ์ได้ไปต้อนรับ และได้จับมือกับท่าน และหลังจากนั้นก็มีพิธีกรรมกินเจ ประมาณ 3 อาทิตย์ มีฝรั่งคนหนึ่งได้มาที่โรงงาน แสดงออกถึงว่ามาแล้วไม่ประทับใจอะไรสักอย่าง ที่โรงงาน น้องลักษณ์ได้เข้าไปต้อนรับลูกค้า และคุยกับเขา เขาไม่ค่อยพอใจ แต่แขกคนอื่นไม่มีท่าทางอาการอย่างแขกคนนี้ น้องลักษณ์ก็พยายามต้อนรับเขาให้ดีที่สุด เชิญเขาดื่มน้ำ ชิมเม็ดมะม่วง- หิมพานต์ของโรงงาน เขาก็ตอบ No! อย่างเดียว NO! 4 ครั้ง …
…. น้องลักษณ์ก็บอกเขาว่า โรงงานผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์มา 3 ชั่วคนแล้วค่ะ เขาหมั่นไส้เรามาก สุดท้ายเขาก็ระบายคำพูดออกว่า “ฉันมาที่โรงงานนี้ฉันไม่ต้องการชิมเม็ดมะม่วงหินพานต์ ฉันต้องการมา ดื่มน้ำมะม่วงหิมพานต์มีไหมล่ะ ฉันเป็น Professor มาจากอิสราเอล ฉันปลดเกษียนแล้วร้านของคุณดังมากที่อิสราแอล ฉันเคยดื่มน้ำมะม่วงหิมพานต์มาก่อน มันช่วยฉันให้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง คุณบอกว่า คุณผลิตมะม่วงหิมพานต์มาแล้ว 3 ชั่วคน ฉันเสียใจมาก! (พร้อมกับตบที่หน้าอกของเขา) ฉันอุตสาห์เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย 16 วัน ก่อนวันสุดท้ายจะกลับอิสราเอลจึงได้แวะมาชมโรงงาน”
… เหตุการณ์นั้นทำให้น้องลักษณ์ได้ย้อนคิดถึงสมัยตอนยังเป็นเด็ก อายุประมาณ 13 ขวบ เคยถามอากงช่วงหน้าฤดูกาลเก็บเกี่ยว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ โดยที่ทาง โรงงานได้ทำการรับซื้อเม็ดมะม่วงหิมพานต์ โดยการตากแดด 1 วันก่อนเข้าโกดังถามอาก๋งว่า(ก๋ง หมายถึง คุณตา) “ ก๋ง ผลของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทานได้ไหม อยู่ไหนอยากทานจังเลย” ก๋งก็ได้บอกชาวสวนให้เก็บมาให้ โดยที่ก๋งเอามาหั่นและใส่เกลือ พริกป่น น้ำตาล มาให้ทาน รสชาติมันฝาด ไม่อร่อย เลยบอกก๋งว่าผลมันน่าจะมีวิธีทำให้อร่อยได้น๊ะเพราะว่าผลเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีสีสวย มีกลิ่นหอมก๋งก็เลยบอกว่าให้ไป เรียนวิชาคหกรรมสิ แต่ตอนนั้นอยากเรียนภาษา อยากเป็นพยาบาล ก็ได้แต่เก็บความคิดเอาไว้ ไม่มีโอกาสได้เรียนเพิ่มเติม เพราะต้องเรียนสายสามัญตลอด จบมาก็ต้องช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงานขาย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ …
… พอเวลาผ่านไปเป็น 10 ปี นึกถึงผลมะม่วงหิมพานต์ ช่วงเวลาจะมาวิจัยก็ไม่มีเวลาอีก ผ่านไปปีแล้วปีเล่า เพราะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยงของภูเก็ต พอว่างจากฤดูกาลท่องเที่ยว ฤดูกาลเก็บเกี่ยวก็หมดไป จนกระทั่งถึงวันที่ถูกต่อว่า น้องลักษณ์ก็รู้สึกเสียใจเหมือนฝรั่งคนนั้น โมโหตัวเองเหมือนกัน ไม่น่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปเลย แต่ทำไงได้ล่ะในเมื่อเราต้องรับผิดชอบธุรกิจหลักที่ทำอยู่ น้องลักษณ์ก็เลยขอโทษฝรั่งคนนั้นและบอกเขาว่า ขอบคุณมากนะค่ะที่มาจุดประกายความคิดให้ประจักษ์ อีกครั้งหนึ่ง และสัญญากับฝรั่งคนนั้นว่า ในปี ค.ศ. 2000 เดือนเมษายน ถ้ามีโอกาสให้กลับมาเที่ยวอีก แล้วจะมีน้ำมะม่วงหิมพานต์ให้ดื่มแน่นอนค่ะ แล้วฝรั่งคนนั้นก็แสดงออกถึงความดีใจ และความรู้สึกของเขาก็ดีขึ้นมาก เขาก็เลยบอกว่า “สัญญาแน่นะ และอย่าลืมถ้ามาแล้วต้องมีให้ดื่มนะ” แล้วก่อนกลับสุดท้ายเขาบอกว่า “ ถ้าคุณทำสำเร็จแล้ว คุณอย่าลืมใส่ Vodka นะมันจะทำให้แข็งแรงมากเลย” แล้วเขาก็กลับไป…
…. ทำไมถึงสัญญากับเขาว่า ให้มาเดือนเมษายน เพราะว่าฤดูกาลเก็บเกี่ยวคือปลายเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงเดือน พฤษภาคม ช่วงระหว่างเวลา 1 เดือนก่อนเดือนเมษายน ที่รับปากกับเขา น้องลักษณ์คิดว่าใช้เวลานั้นทำการทดลอง ผลิตดูว่าจะได้รสชาติที่อร่อยหรือไม่ สุดท้ายแล้วทุกคนก็ยอมรับรสชาติอร่อยของน้ำแคชชูวี่ค่ะ.
ผลมะม่วงหินมพานต์มีน้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญซึ่งน้ำของผลมะม่วงหิมพานต์ใช้เป็นยาแก้โรคกระเพาะ กลั้วคอแก้คอเจ็บ ช่วยขับเหงื่อ ใช้ได้กับผู้ป่วยโรคท้องมาน แก้อาเจียน เป็นยาขับปัสสาวะต้านทานกามโรค ชาวบราซิลนิยมดื่มมาก เพราะเชื่อว่าสามารถรักษาโรคบิดเรื้อรัง และบรรเทาความเจ็บปวด เนื่องจากโรคประสาทพิการและโรคปวดตามข้อได้ น้ำมะม่วงหิมพานต์สามารถกระตุ้นสมองและทำให้ควมทรงจำดีขึ้น ผสมเหล้าวอดก้าหรือบรั่นดี ทำให้กระชุ่มกระชวยและช่วยเพิ่มพลังงานเป็นพิเศษ
คุณสมบัติทางสุขภาพอนามัยของน้ำมะม่วงหิมพานต์
- ผลมะม่วงหิมพานต์ให้สารสกัดที่ต่อต้านการเจริญของเนื้องอกโดยในผลมะม่วงหิมพานต์จะมีสารอะนาคาร์ดิคแอซิด (Anacardic Acid) ซึ่งพบว่าสามารถออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งเต้านม
- ผลมะม่วงหิมพานต์สามารถให้สารคาร์ดอล (Cardol) ซึ่งพบว่าสามารถออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในปากช่องคลอดและยังสามารถออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ และพยาธิได้ทุกชนิด
- ผลมะม่วงหิมพานต์ให้สารประกอบจำพวกฟีนอลที่สามารถยับยั้งเอนไซน์ไทโรซิเนสที่เป็นสาเหตุของการเกิดเม็ดสีคล้ำใต้ผิวหนัง
น้ำมะม่วงหิมพานต์(แคชชูวี) เป็นน้ำผลไม้ที่ให้คุณค่าทางอาหารที่มีผลต่อร่างกายสูงเป็นพิเศษ
คุณสมบัติทางเคมี : กรดแอสคอร์บิค, เบต้าแคโรทีน, แคลเซียม, เฮ็กซานัล, เหล็ก, นูโคไซอะนิดีน, ลูโค, เพลาโกนิดีน, ลิโมนีน, ไนอะซิน, ฟอสฟอรัส, โปรตีน, ไรโบฟลาวิน, กรดซาลิซิลิค, ไทอะมิน, Trans-hex-2-enal
คุณสมบัติพิเศษ
- ดื่มแล้วทำให้ สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ให้กำลังไม่อ่อนเพลีย
- ช่วยลดการอักเสบการติดเชื้อของหลอดลม ทำให้ปอดแข็งแรง
- ดื่มเป็นประจำทำให้หวัดไม่เข้าใกล้ ลดอาการภูมิแพ้ทำให้ระบบการหายใจดีโล่งจมูก
- ช่วยลดอาการเจ็บคอ ระคายเคือง ลดเสมหะ ลดอาการไอ ลดอาการตีบของหลอดลม ระบบเสียงดี
- ช่วยในการปรับความสมดุลของหยินและหยางในระบบของร่างกาย
- หยุดอาการของการท้องเสียโรคบิด แผลในกระเพาะ กระเพาะเรื้องรังได้เป็นอย่างดี
- แก้อาเจียน ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว ขับเหงื่อ ต้านทานกามโรค
- ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
- ทำให้สายตาดีความทรงจำดีขึ้น