อาหารไทย ยังคงเป็นอาหารที่มีมนต์เสน่ห์ในตัวเองด้วยพื้นฐานของวัตถุดิบเครื่องปรุง และรสชาติที่แตกต่างและบางครั้งยังแฝงเรื่องราวที่น่าสนใจไปสู่ผู้รับประทานด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง Soft Power อันทรงพลังของไทยที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก แต่ไม่ใช่แค่เพียงอาหารไทยที่ปรุงสุกใหม่จากร้านอาหารเท่านั้นที่ได้รับความนิยม ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันทำให้อาหารไทยสำเร็จรูปเป็นอีกหนึ่ง ทางเลือกของผู้บริโภคต่างประเทศสามารถรับ ประทานอาหารไทยที่ยังคงคุณค่าของรสชาติและคุณภาพเอาไว้ได้อย่างดี
ซึ่งทุกปีจะมีผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อรับมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT จาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)โดย สำนักส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมซึ่งจะเป็นการการันตีให้ผู้บริโภคทั่วโลกได้มั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่าจะมีรสชาติตามต้นตำรับอาหารไทยอย่างแน่นอนตอบโจทย์คนไทยและคนเอเชียในต่างแดนข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียน ข้าวเหนียวน้ำกะทิมะม่วง ข้าวเหนียวเปียกลำไยและข้าวเหนียวมูน เป็นอาหารหวานยอดนิยมของคนไทยมาทุกฤดูกาล
ซึ่งแน่นอนว่าคนไทยที่ไปอาศัยอยู่ต่างประเทศคงจะคิดถึงรสชาติอาหารหวานเหล่านี้อยู่ไม่น้อย และวันนี้ แบรนด์ ดิลิเชียส เดสติเนชั่น (Delicious Destination)ได้ตอบโจทย์ความต้องการนั้นแล้วด้วยการส่งผลิตภัณฑ์แช่เยือกแข็งกลุ่มนี้ไปเสิร์ฟกันถึงต่างประเทศพร้อมประทับตราสัญลักษณ์ Thai SELECTสร้างความเชื่อมั่นให้แบรนด์อาหารไทยได้เป็นอย่างดี
นายไกรธวัช ศรีเบ็ญจรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอลเคมมิสท์ จำกัด เล่าว่า จากจุดเริ่มต้นของการทำฟาร์มผลไม้ส่งออกในนาม FINNLAND SMART FARM ที่ส่งเสริมเกษตรกรรุ่นใหม่ให้ใช้เทคโนโลยีในการควบคุมดูแลจนได้ผลผลิตคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน ต่อยอดสู่การพัฒนาแปรรูปผลไม้และถนอมอาหารภายใต้ชื่อ Delicious Destination เพื่อส่งต่อความสดอร่อยของผลไม้ไทยแท้ หลากหลายรสชาติสู่ตลาดโลกโดยทางบริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีแช่เยือกแข็งเพียง 5นาทีในการแปรรูปผลิตภัณฑ์กลุ่มข้าวเหนียวเพื่อส่งออกซึ่งหลังจากนำเข้าไมโครเวฟ 800 วัตต์ เพียงแค่ 2 นาทีแม้จะทิ้งไว้จนเย็นแต่ยังคงความนุ่มของข้าวเหนียว รสชาติเข้มข้นและคุณค่าทางโภชนาการไว้ถึง 95% ถือเป็นการแก้ Pain Pointของข้าวเหนียวอย่างแท้จริง
ส่วนตัวเนื้อผลไม้เองก็ไม่เละ ไม่เปลี่ยนรูปแม้จะผ่านความร้อน ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยและชาวเอเชียทั่วโลกได้รับประทานอาหารเหล่านี้ประหนึ่งได้เดินทางมาทานที่เมืองไทยโดยตลาดเป้าหมายสำคัญ อาทิ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ส่วนโซนยุโรปจะส่งสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายที่เนเธอร์แลนด์ซึ่งสามารถกระจายสินค้า
ไปได้แทบทุกประเทศในยุโรป และตลาดตะวันออกกลาง ส่วนสหรัฐอเมริกายังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้นำเข้า
บริษัทใช้เวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้่ประมาณ 1 ปีครึ่งเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน อีกทั้งยังเล็งเห็นโอกาสเติบโตในต่างประเทศที่มีค่อนข้างสูงหลังจากสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปต้องการใช้เวลาทำอาหารทานที่บ้านและอยู่กับครอบครัวมากขึ้น จริงๆแล้วอาหารไทยนั้นไม่ว่าจะคาวหรือหวานก็ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในต่างประเทศอยู่แล้วแต่อาจจะเกิดปัญหาเรื่องคุณภาพของผู้ผลิตซึ่งควบคุมได้ยากเนื่องจากมีผู้ผลิตหลากหลายในตลาดทั้งจากประเทศไทยและประเทศอื่นๆ เมื่อผู้บริโภคซื้อไปรับประทานแล้ว
ไม่พึงพอใจเท่าที่ควร จึงมักจะเหมารวม ส่งผลให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์อาหารไทย
ด้วยเหตุนี้ ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT จึงช่วยการันตีในคุณภาพรสชาติตามต้นตำรับไทยแท้ และสร้างความเชื่อมั่นในให้แก่ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีซึ่งถือเป็นการสร้างความเข้มแข็งของการส่งออกสินค้าอาหารไทยสำเร็จรูปในภาพรวม”ปลาเค็มรวน..อาหารไทยโบราณไปนอกจากธุรกิจกงสีร้านเครื่องเขียนรายใหญ่ของจังหวัดชุมพรและกาฬสินธุ์และการเป็นตระกูลที่ออกเรือมาหลายชั่วอายุคนที่สมุทรสาครแต่พอมาเจอกับสถานการณ์โควิด-19และการเติบโตที่ชะงักลงของธุรกิจการศึกษาทำให้ นางสาวไพรินทร์ อัศวทวีโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ริน อินเตอร์ฟู้ด จำกัดเปลี่ยนวิธีคิดและหาธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสเติบโตได้ในอนาคตจึงหันกลับมามองที่ความชื่นชอบและความคุ้นเคยกับอาหารทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
“ปลาอินทรีเค็ม”ที่กลายเป็นตัวเลือกแรกของการพัฒนาสินค้า เพื่อตอบโจทย์Pain Point เรื่องกลิ่นเมื่อต้องนำไปประกอบอาหารผนวกกับการใช้องค์ความรู้เรื่องการรวนปลาเค็มซึ่งถือเป็นกรรมวิธีโบราณตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จากผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ชูจุดเด่นถึงกรรมวิธีการคั่วรวนกับสมุนไพรไทย อาทิกระเทียม พริกแห้ง ไม่ใส่สารกันเสีย ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ปรุงแต่งน้ำตาลจึงดีไซน์ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบเพื่อแจกจ่ายไปยังคนใกล้ชิดและลูกค้าได้ทดลอง
ทาน
จากการสำรวจตลาด (survey) ทำให้ทราบว่าลูกค้าชื่นชอบเพราะ อร่อย แปลกแตกต่างจากที่เคยทานและมีการขอซื้อซ้ำทันที แต่ผู้บริโภคหลายท่านยังเรียกว่าน้ำพริกปลาเค็มซึ่งคลาดเคลื่อนจากคอนเซ็ปต์ของปลาเค็มรวนจึงต้องสร้างการรับรู้ใหม่ที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาภายใต้สโลแกนที่ว่าปลาเค็มรวนไม่ใช่น้ำพริก และเริ่มต้นเข้าถึงผู้บริโภคผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆหลังจำหน่ายไปได้สักระยะ
มีสายตรงจากลูกค้าท่านหนึ่งโทรมาจุดประกายว่าสินค้าของแบรนด์เราส่งไปจำหน่ายต่างประเทศได้ เพราะตอบโจทย์ Pain Pointของผู้ที่ต้องการทานปลาเค็มแต่ไม่สามารถทอดทานเองที่บ้านเพราะประสบปัญหาเรื่องกลิ่นที่กระทบต่อพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ในต่างประเทศสินค้าของเราจึงเข้มงวดเรื่องมาตรฐานด้านอาหารและสุขภาพในหลายมาตรฐานก่อนส่งไปจำหน่าย และได้ตัดสินใจกับครอบครัวในการลงทุนทำโรงงานผลิตศึกษาเรื่องมาตรฐานอาหารต่างๆควบคู่ไปกับการเข้าร่วมกิจกรรมของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)ทำให้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการส่งออกเพิ่มมากขึ้น รวมถึงทราบรายละเอียดโครงการThai SELECT จึงตัดสินใจสมัครขอรับตราสัญลักษณ์ทันทีเพราะมั่นใจว่าจะทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในสินค้า สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับผลิตภัณฑ์โดยได้กำหนดกลยุทธ์ในการทำการตลาดไว้ 2 แบบ คือ กลุ่ม Business-to-Customer(B2C) จะเป็นแบบซื้อแล้วทานเลย หรือ Ready to eat และกลุ่ม Business-to-Business (B2B) ซึ่งจะเป็นกลุ่มร้านอาหารที่นำสินค้าไปประกอบในเมนูอาหาร หรือ
Easy to cook
ตลาดเป้าหมายแรกคือประเทศในเอเชียที่ใกล้กับประเทศไทยอย่างเมียนมาร์ผ่านทาง Thai Town Supermarket และมาเลเซียที่จะไปในรูปแบบการจับคู่ธุรกิจกับร้านอาหารที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECTซึ่งมีถึง 13 ร้าน ในลักษณะของการสร้างสรรค์เมนูอาหารสไตล์ฟิวชั่นใหม่ๆ ของร้านและยังมองไปถึงการไปสู่ตลาดที่ไกลมากขึ้นอย่างสหรัฐอเมริกาโดยอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทส่งออกสินค้าไทยซึ่งได้เข้ามาดูโรงงานเพื่อพิจารณา
การนำไปจำหน่ายให้กับคนเอเชียที่นั่น ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่พอสมควรสำหรับการที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECTถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ร่วมกิจกรรมโปรโมทของทาง DITP ทั้งในและต่างประเทศเพราะการขยายตลาดไปต่างประเทศนั้นนับว่ายังมีโอกาสอยู่มากแต่จะต้องเข้าไปในช่องทางที่ถูกต้องและมีหน่วยงานภาครัฐให้การสนับสนุน
สำหรับผู้ประกอบการที่มีสินค้าที่มีอัตลักษณ์ความเป็นไทยมีกระบวนการผลิตที่มีมาตรฐาน อยากให้ลองพิจารณาการขอรับตราสัญลักษณ์นี้ซึ่งในปีหน้า ริน อินเตอร์ฟู้ด ก็เตรียมผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อจะขอรับตราสัญลักษณ์ Thai
SELECT ด้วยเช่นกัน
ทำไม “โลโบ” ถึงขอใช้ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT อย่างต่อเนื่องด้าน นางสาวศจี เสือขำ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท โกลโบ ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตสินค้าเครื่องปรุงอาหาร ตราโลโบ ที่ต่ออายุตราสัญลักษณ์ THAI SELECTมาอย่างต่อเนื่องเล่าว่า "บริษัทฯ ได้นำสินค้าเข้าประกวดขอรับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT มาตั้งแต่พ.ศ. 2555 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการขยายขอบเขตตราสัญลักษณ์เข้ามาในกลุ่มเครื่องปรุงอาหารไทย ผลิตภัณฑ์โลโบก็เข้าพิจารณารับตราสัญลักษณ์และต่ออายุทุกๆ 3 ปี มาโดยตลอด
ปัจจุบัน “โลโบ” มีสินค้าที่ได้รับตราสัญลักษณ์ แล้วถึง 74 รายการซึ่งปีนี้มีการขอต่ออายุ 39 รายการ และขอใช้ใหม่อีก 4 รายการ ได้แก่ผงทำข้าวหมกไก่ เครื่องแกงฮังเล ผงทำอาหารทอดกระเทียมพริกไทยและผงปรุงน้ำราดหมูแดง เพราะในตลาดต่างประเทศนั้นอาหารไทยเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ทำให้มีผู้ผลิตอาหารไทยหลายราย ทั้งจากประเทศไทยเองและประเทศอื่นๆ เช่นมาเลเซียก็ผลิตเครื่องต้มยำ หรือประเทศทางยุโรปก็ผลิตแกงเขียวหวานหรือผัดไทย ผู้บริโภคจึงมีตัวเลือกมากมาย นอกจากราคาจะเป็นปัจจัยในการตัดสินใจซื้อแล้วเรื่องคุณภาพและมาตรฐานด้านรสชาติไทยแท้ก็เป็นปัจจัยสำคัญด้วย
ดังนั้นการมีตราสัญลักษณ์ Thai SELECT จึงทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในผลิตภัณฑ์รสชาติต้นตำรับและอัตลักษณ์ความเป็นไทยเป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านภาพลักษณ์ของสินค้าอาหารไทยที่ไม่ใช่แค่เป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยเท่านั้น
แต่ยังมีมาตรฐานโดยเฉพาะด้านรสชาติที่เป็นที่นิยมและได้รับรองจากหน่วยงานที่ได้รับความเชื่อถือสำหรับผู้ประกอบการอาหารไทยสำเร็จรูปสามารถติดตามรายละเอียดการขอใช้ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ได้ทาง อีเมล tsproduct.ditp@gmail.com