การนอนกลางวันเป็นผลดีต่อสุขภาพ

การนอนกลางวันเป็นผลดีต่อสุขภาพ

ในช่วงหน้าร้อน เรามักจะรู้สึกง่วงนอน และอ่อนเพลียได้ง่าย ผู้เชี่ยวชาญมีข้อเสนอว่า การนอนกลางวันที่มีคุณภาพนั้น จะมีส่วนช่วยเสริมความจำ และฟื้นฟูสมรรถนะของร่างกาย ซึ่งย่อมเป็นผลดีต่อสุขภาพและ เสริมพลังสำหรับการทำงานในช่วงบ่ายต่อไป

“วิธีนอนกลางวันที่ถูกต้อง”

1.ก่อนนอนกลางวัน อย่ากินอาหารที่มันมาก และอย่ารับประทานอาหารเที่ยงให้อิ่มจนเกินไป เพราะอาหารมันๆ จะทำให้เลือดเข้มข้นยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มภาระของหัวใจและ กระเพาะอาหารในการย่อยอาหารให้เพิ่มขึ้น

2.หลังอาหารเที่ยง ไม่ควรรีบนอนทันที เพราะอาหารเที่ยงจะ ทำให้เลือดหมุนเวียนไปยังกระเพาะอา หารเป็นจำนวนมาก และทำให้ ความดันโลหิดต่ำลง ดังนั้น อ๊อกซิเจนในสมองจึงไม่พอเพียง หากรีบนอนทันทีหลังอาหารเที่ยง ก็อาจจะทำให้เกิดอาการ เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอเพียง ดังนั้น ตามสภาพปกติ จึงควรนอนกลางวันหลังรับประทานอาหารเที่ยงอีกสักระยะหนึ่ง ประมาณ 10 นาทีน่าจะกำลังดี

3. ท่านอนกลางวันนั้น ควรเป็นท่าหัวสูงเท้าต่ำ และนอนไปข้างขวา เพราะท่านอนเช่นนี้ สามารถลดแรงกดดัน ของส่วนหัวใจลงได้ และป้องกันการนอนกรนได้ดี บางคนไม่อาจ นอนบนเตียงได้ในขณะนั้นจึงมักจะนั่งนอนหรือนอนคว่ำหน้าบนโต๊ะทำงาน การนอนในท่านี้ จะทำให้สมองขาดเลือดและอ๊อกซิเจน เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ก็จะเกิดอาการวิงเวียนศรีษะ ตาลาย และ อ่อนเพลียเป็นต้น และเนื่องจากการนอนคว่ำหน้าบนโต๊ะ อาจทำให้กดทับปอดได้ จึงส่งผลกระทบต่อการหายใจ และการหมุนเวียนของเลือด บางคนเมื่อตื่นนอนแล้ว จะเกิดอาการไม่สบาย เช่นแขนและมือชาเป็นต้น

4. ควบคุมเวลานอนกลางวันภายในครึ่งชั่วโมง เพราะหากนอนนานจนเกินครึ่งชั่วโมงก็จะทำให้สมองสับสนว่า ถึงยามค่ำและจนส่งสัญญาณให้นอนหลับสนิทเหมือนกลางคืน แต่เมื่อถึงเวลานอนกลางคืนกลับจะนอนไม่หลับเสียแล้ว ซึ่งก็จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานในวันถัดมา(ข้อนี้อาจมีผลต่อเงินเดือนด้วยค่ะ 555)

5.เวลานอนกลางวัน ควรระวังไม่ให้ร่างกายได้รับความเย็น จนมีอาการเป็นหวัดคัดจมูกหรือน้ำมูกไหล

6.หลังตื่นนอนกลางวันแล้ว ควรดื่มน้ำเปล่าแก้วหนึ่งเสมอ เพื่อให้เลือดจางลง และอย่าเพิ่งรีบทำงานในทันทีหรือทำอะไรที่มีความเสี่ยงและอันตราย เพราะในขณะที่เพิ่งตื่นนั้น สมองอาจจะยังไม่ค่อยแจ่มใสดีพอ และอาจก่อให้เกิด ความผิดพลาดหรืออุบัติเหตุได้ (งั้นเราควรตื่นก่อนบ่ายโมง ซัก 10 นาทีดีกว่าค่ะ เพื่อความปลอดภัยในหน้าที่การงาน….)