หวั่น RSV ระบาดหนักโดยเฉพาะเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี

หวั่น RSV ระบาดหนักโดยเฉพาะเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี
เตือนผู้ปกครองเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด”

“จากการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี ในผู้ป่วยกลุ่มอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ (ILI) และกลุ่มอาการปอดบวมจากโรงพยาบาลเครือข่ายของกรมควบคุมโรค ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 กันยายน 2565 มีรายงานผู้ป่วยทั้งหมด 547 ราย โดยพบมากที่สุดในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี รองลงมาคือ 3 – 5 ปี และ 6 – 15 ปี ตามลำดับ การเฝ้าระวังและตรวจสอบข่าวการระบาดของกรมควบคุมโรค ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 9 พฤศจิกายน 2565 พบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี เสียชีวิตจำนวน 3 ราย โดยทั้ง 3 รายเป็นเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี และมีโรคประจำตัว และพบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน 1 เหตุการณ์เกิดขึ้นในเรือนจำ พบผู้ป่วยเป็นผู้ใหญ่ 6 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต”

“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพของสัปดาห์นี้ คาดว่าจะพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นโรคที่พบได้บ่อยในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ติดต่อได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ และจากการสูดหายใจเอาเชื้อที่อยู่ในอากาศในรูปละอองฝอยจากการไอ จาม ของผู้ป่วย โดยไวรัสเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเยื่อบุตา จมูก ปาก พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่จะแสดงอาการหลังสัมผัสเชื้อไวรัสในระยะเวลา 4 – 6 วัน และเมื่อป่วยจะสามารถแพร่กระจายเชื้อได้นาน 3 – 8 วัน อาการโดยทั่วไปอาจจะเหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่อาการจำเพาะของเชื้อนี้ มักพบในเด็กเล็ก คือ หลอดลมฝอยอักเสบ โดยเริ่มแรกจะมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ จนถึงอาการรุนแรง เช่น หายใจหอบเหนื่อย อกบุ๋ม ได้ยินเสียงปอดผิดปกติ เสียงหายใจมีเสียงหวีด รับประทานอาหารได้น้อย และซึมลง การรักษา ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค ส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะผู้ปกครอง และผู้ดูแลเด็กเฝ้าระวังสังเกตอาการป่วยของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีโรคประจำตัว หากพบว่ามีอาการคล้ายไข้หวัด ให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาต่อไป การป้องกันโรคให้หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสบริเวณหน้า ตา จมูก ปาก ไม่ใช้ภาชนะอาหารและของใช้ส่วนตัวร่วมกันผู้อื่น รักษาสุขอนามัยส่วนตัว ทำความสะอาดบ้านรวมทั้งของเล่นเด็กเป็นประจำ หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้มีอาการป่วย ไม่ควรพาเด็กไปในสถานที่ที่ผู้คนหนาแน่น ส่วนผู้ที่มีอาการป่วยควรงดการออกนอกบ้าน เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น ปิดปากปิดจมูกทุกครั้งเวลาไอจาม ประชาชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422”