คปภ. ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัย กรณีรถกระบะเฉี่ยวชน จ.อ่างทอง

จากกรณีรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน 9 กฆ 7380 กรุงเทพมหานคร เฉี่ยวชนกับรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน บก 5599 สิงห์บุรี บริเวณถนนสาย 309 (อยุธยา-อ่างทอง) หมู่ 3 ตำบลบางเสด็จ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทองเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) โดยสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์
สายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 2 (นครสวรรค์) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดอ่างทอง
ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุได้ตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัย พร้อมทั้งติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วน
ผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จังหวัดอ่างทอง ได้ลงพื้นที่ทันทีและจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ารถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน 9 กฆ 7380 กรุงเทพมหานคร ได้จัดทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัทฟอลคอล
ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 3 กันยายน 2567 และสิ้นสุดคุ้มครองวันที่ 3 กันยายน 2568 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บค่ารักษาสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน

นอกจากนี้ รถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน 9 กฆ 7380 กรุงเทพมหานคร ได้จัดทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 ไว้กับบริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 13 สิงหาคม 2567 สิ้นสุดคุ้มครองวันที่ 13 สิงหาคม 2568 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก
จำนวน 1,000,000 บาทต่อคน 10,000,000 บาทต่อครั้ง ความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก 5,000,000 บาทต่อครั้งความเสียหายต่อรถยนต์ 440,000 บาท รถยนต์สูญหาย/ไฟไหม้ 440,000 บาท สำหรับความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร (ร.ย. 01) ผู้ขับขี่/ผู้โดยสาร 6 ราย ๆ ละ 200,000 บาท และค่ารักษาพยาบาล (ร.ย. 02) จำนวน 200,000 บาทต่อคน ประกันตัวผู้ขับขี่ (ร.ย. 03) 200,000 บาทต่อครั้ง

ในส่วนของรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน บก 5599 สิงห์บุรี ได้จัดทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.)
ไว้กับบริษัทเออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 27 มีนาคม 2567 และสิ้นสุดคุ้มครองวันที่ 27 มีนาคม 2568 กรมธรรม์ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บค่ารักษาสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน ทั้งนี้ในเบื้องต้นตรวจสอบพบว่ารถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน บก 5599 สิงห์บุรี ไม่ได้ทำประกันภัย ภาคสมัครใจไว้แต่อย่างใด

สำหรับการติดตามค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ขณะนี้ผลคดี
อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของพนักงานสอบสวน โดยเบื้องต้นทายาทโดยธรรมของผู้ประสบอุบัติเหตุที่เสียชีวิต จำนวน 7 ราย จะได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัย ดังนี้ 1. ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน 9 กฆ 7380 กรุงเทพมหานครมีสิทธิได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นค่าปลงศพ จากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 35,000 บาทและค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 30,000 บาท ในส่วนของผู้โดยสารที่เสียชีวิตมีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 500,000 บาท และจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 1 และความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ รายละ 200,000 บาท 2. ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน บก 5599 สิงห์บุรี มีสิทธิได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นค่าปลงศพ จากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 35,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 30,000 บาท ในส่วนของผู้โดยสารที่เสียชีวิตมีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.)รายละ 500,000 บาท ในส่วนของผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสำนักงาน คปภ. จังหวัดอ่างทองได้ประสานกับบริษัทประกันภัยเข้าไปอำนวยความสะดวกและรับรองสิทธิค่ารักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลโดยตรง โดยผู้บาดเจ็บไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาตามสิทธิแต่อย่างใด

นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. จังหวัดอ่างทอง ได้ประสานไปยังสำนักงาน คปภ. จังหวัดสิงห์บุรี และสำนักงาน คปภ. จังหวัดสมุทรปราการ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับญาติที่นำศพของผู้เสียชีวิตกลับไปบำเพ็ญกุศล
ตามภูมิลำเนา รวมทั้งบูรณาการร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่า ผู้ประสบภัยหรือผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้มีการทำประกันภัยเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้อีกหรือไม่ หากตรวจสอบพบว่ามีการทำประกันภัยก็จะได้รับสิทธิตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้ทุกประการ