บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมกับพันธมิตร 2 บริษัทในกลุ่ม SCG ที่มุ่งเติบโตทางธุรกิจควบคู่กั บการสร้างความยั่งยืน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ด้านนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์จากเยื่ อกระดาษและพอลิเมอร์ กับบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP และ ด้านนวัตกรรมพลาสติกที่เป็นมิ ตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Polymer) กับบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC โดยร่วมกันศึกษาพัฒนาโซลูชั นบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารของซีพี เอฟ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
อีกทั้งสะอาดและปลอดภัยสำหรับผู้ บริโภค พร้อมเปิดโอกาสพัฒนานวัตกรรมร่ วมกับพันธมิตรทั้งในห่วงโซ่คุ ณค่า (Value Chain) ที่มีเป้าหมายความยั่งยืนร่วมกั น เพื่อขับเคลื่อนอุ ตสาหกรรมตามแนวทางดำเนินธุรกิจ ESG (Environmental, Social and Governance) และรองรับความต้ องการของตลาดบรรจุภัณฑ์ที่เป็ นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในประเทศที่ มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่ อเนื่อง
พิธีลงนาม MoU มีนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ ลงนามร่วมกับ นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP และนายสุรชา อุดมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานนวั ตกรรม และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGC พร้อมด้วยนางกอบบุญ ศรีชัย ผู้บริหารสูงสุดสายงานกิ จการองค์กรและลงทุนสัมพันธ์ นางสาวธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา ผู้บริหารสูงสุดสายงานจัดซื้ อกลาง และนายกิตติ หวังวิวัฒน์ศิลป์ ผู้อำนวยการ สายงานวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ซีพีเอฟ ร่วมในพิธี ณ ห้องบอร์ดรูม ชั้น 30 อาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ สีลม
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบนพื้ นฐานของความยั่งยืนเพื่อสร้ างความมั่นคงทางอาหาร เติบโตควบคู่ไปกับการมีส่วนร่ วมดูแลโลก ดูแลสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ความร่วมมือในวันนี้ จึงเป็นการผนึกกำลังของทั้ง 3 บริษัทที่จะช่วยกันพัฒนาบรรจุภั ณฑ์ที่ยั่งยืน ควบคู่กับความตั้งใจของซีพี เอฟในการผลิตอาหารที่ดีต่อกาย ดีต่อใจ และดีต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในการดำเนินธุรกิจของทั้ง 3 บริษัทมีเป้าหมายด้านความยั่งยื นเหมือนกัน มุ่งมั่นที่จะร่วมทำธุรกิ จและมีส่วนร่วมรักษ์โลก โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero)ในปี 2050 โดยเฉพาะเรื่องของบรรจุภัณฑ์ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ซีพี เอฟให้ความสำคัญ ปัจจุบัน บรรจุภัณฑ์ของซีพีเอฟ 99.9% สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ (Reusable) หรือนำกลับมาใช้ซ้ำ (Recycle) หรือย่อยสลายได้ (Compostable) และหวังว่าการร่วมมือกันในครั้ งนี้จะทำให้ในอนาคตบรรจุภัณฑ์ ของซีพีเอฟจะมีส่วนช่วยรักษ์ โลกมากยิ่งขึ้น ช่วยให้กระบวนการใช้บรรจุภัณฑ์ ของประเทศไทยมีประสิทธิภาพมากยิ่ งขึ้น
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า SCGP ให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ผ่านการพัฒนาสินค้าและบริการที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยของสินค้ าและบริการ เพิ่มสัดส่วนการนำกระดาษที่ใช้ งานแล้วจากผู้บริโภคนำกลับมาใช้ ใหม่ในกระบวนการผลิตและเพิ่มสั ดส่วนบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ ตามเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ภายในปี 2050 และพร้อมผนึกความร่วมมือกับพั นธมิตรในการส่งเสริมแนวทางที่ยั่ งยืนไปสู่ผู้บริโภค ความร่วมมือกับซีพีเอฟในครั้งนี้ SCGP จะนำความรู้ ความชำนาญ และเทคโนโลยีมาใช้ในการวิจั ยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ทั้งบรรจุภัณฑ์จากเยื่อกระดาษ บรรจุภัณฑ์จากพอลิเมอร์ที่มี ความยั่งยืน เหมาะสมกับกระบวนการผลิตและผลิ ตภัณฑ์ของซีพีเอฟเพื่อสร้างความยั่งยื นไปด้วยกัน
นายสุรชา อุดมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานนวั ตกรรม และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC กล่าวว่า ประเทศไทยส่งออกผลิตภัณฑ์ อาหารค่อนข้างสูง และมีโอกาสที่จะเป็นผู้นำด้ านอาหารของโลก การบริโภคอาหารที่มีคุณภาพเยี่ ยมภายใต้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิ ตรต่อสิ่งแวดล้อม จะช่วยตอบโจทย์ทั้งในเรื่ องความมั่นคงทางด้านอาหาร (Food Security) ควบคู่ไปกับการใช้ทรัพยากรอย่ างคุ้มค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุ นเวียน (Circular Economy) ซึ่ง SCGC พร้อมนำความเชี่ยวชาญด้าน Green Innovation มายกระดับบรรจุภัณฑ์พลาสติ กสำหรับอาหารให้มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย บนมาตรฐานการผลิตที่มีประสิทธิ ภาพ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยนวัตกรรมพอลิเมอร์ที่เป็นมิ ตรกับสิ่งแวดล้อมภายใต้แบรนด์ SCGC GREEN POLYMERTM สามารถตอบโจทย์ Low Waste และ Low Carbon พร้อมส่งมอบโซลูชันครอบคลุม 4 ด้านหลัก ได้แก่ การลดใช้ทรัพยากร (Reduce) การออกแบบเพื่อให้รีไซเคิลได้ (Recyclable) การนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน (Renewable) ./