บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้รับคัดเลือกโดยสถาบันไทยพั ฒน์ ให้เป็น 1 ในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 จาก 888 หลักทรัพย์จดทะเบียน ที่มีการดำเนินงานโดดเด่น ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และยึดมั่นธรรมาภิบาล( Environmental Social and Governance : ESG) เป็นปีที่ 7 ตอกย้ำวิสัยทัศน์องค์กรยั่งยืน ที่มุ่งมั่นสู่การเป็น “ครัวของโลก” โดยมี นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ รับมอบประกาศนียบัตร ESG100 Company จาก ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์ พร้อมทั้งผู้บริหารระดับสู งของซีพีเอฟ ร่วมพิธีฯ ณ ห้องบอร์ดรูม อาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ สีลม
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะเป็นหนึ่ งในบริษัทต้นแบบ ที่มุ่งมั่นทำธุรกรรมต่ างๆและดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึ งสิ่งแวดล้อม เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ มาอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมา หนึ่งในพันธกิจที่สำคัญ คือ การประกาศเป้าหมายลดการปล่อยก๊ าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) และซีพีเอฟเป็น 1 ใน 7 บริษัททั่วโลกที่ได้รับการอนุมั ติเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกตามหลักการทางวิ ทยาศาสตร์ เป็นบริษัทผลิตอาหารบริษัทแรกที่ ได้รับอนุมัติทั้งเป้ าหมายระยะสั้นและระยะยาว สอดคล้องตามมาตรฐาน Forest, Land and Agriculture Guidance (FLAG) ซึ่งเป็นมาตรฐานเฉพาะสำหรั บภาคอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร จากองค์กร the Science Based Targets initiative (SBTi) ซึ่งพันธกิจดังกล่าวจะเป็ นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิ จและการดูแลสิ่งแวดล้อม ช่วยเพิ่มขี ดความสามารถในการดำเนินธุรกิ จของซีพีเอฟและคู่ค้า
นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ประกาศภารกิจเตรียมส่งไก่ ไทยไปอวกาศ ในโครงการ ‘Thai food – Mission to Space’ เป็นการยกระดับความปลอดภั ยทางอาหารมาตรฐานสูงสุด ให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิ ตภัณฑ์ไก่ไทย ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยระดั บเดียวกับที่นักบินอวกาศรั บประทาน ตามหลักเกณฑ์ขององค์การ NASA และ โครงการดูแล Supply Chain และ SMEs ตั้งแต่ช่วงโควิดจนถึงปัจจุบัน ผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ อาทิ โครงการ Faster Payment ปรับลดเครดิตเทอม โครงการ CPF x BBL เคียงข้างคู่ค้า เติบโตอย่างยั่งยืน โดยร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ ช่วยคู่ค้าธุรกิจมีโอกาสเข้าถึ งแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs มีโอกาสเติบโตและก้าวสู่ระดั บสากลได้อย่างเข้มแข็ง โครงการ “เอส เอ็ม อี เอ็กซ์ ต้นทุนต่ำ นำรักษ์โลก” จับมือคู่ค้าธุรกิจผู้ประกอบก าร SMEs พัฒนาประสิทธิภาพการผลิต การบริหารต้นทุนและพลังงาน ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net-Zero เป็นต้น
“ESG เป็นสิ่งที่ทุกๆบริษัทในโลก ให้ความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซีพีเอฟตั้งใจที่จะดำเนิ นการในเรื่องนี้ ให้เป็นหนึ่งในบริษัทต้ นแบบของการทำธุรกิจเกษตรอุ ตสาหกรรม เรามุ่งมั่นที่จะดำเนินการด้าน ESG ดำเนินธุรกิจโดยดูแลสังคมและสิ่ งแวดล้อมควบคู่กัน ซึ่งเป็นแนวนโยบายตามหลักปรัชญา 3ประโยชน์ ของท่านประธานอาวุโส ธนินท์ เจียรวนนท์ ในการทำธุรกิจ ต้องดูแลประเทศ ประชาชน แล้วบริษัทจึงจะได้รับประโยชน์ ตามมา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องตามมาคือ การเรียนรู้และติดตามเทรนด์ใหม่ เพื่อให้เป็นผู้นำที่เป็นต้ นแบบที่ดีให้ได้ ” นายประสิทธิ์ กล่าว
ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์ กล่าวว่า การที่เข้ามาอยู่ในทำเนียบของ ESG 100 มีความยากลำบากที่จะต้องขับเคลื่ อนองค์กรให้เข้ามาอยู่ใน 100 อันดับ จากทั้งหมด 888 หลักทรัพย์จดทะเบียนในปีนี้ ส่วนปีหน้าคิดว่าแนวโน้มที่สำคั ญ คือ การผลักดันเรื่องการลดการปล่ อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งซีพีเอฟดำเนินการได้ยอดเยี่ ยมใน Scope1 และScope2 ส่วนใน Scope3 ซึ่งมีความท้าทาย เพราะมีความเกี่ยวข้องกับซั พพลายเชนนั้น เชื่อว่าซีพีเอฟในฐานะผู้นำธุ รกิจเกษตรอุ ตสาหกรรมและอาหารครบวงจรจะสามาร ถบริหารจัดการได้
“ชื่นชมซีพีเอฟที่ให้ความสำคั ญกับ SMEs โดยเฉพาะในช่วงโควิดเป็นต้นมา ได้ดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลื อ SMEs ทั้งโครงการปรับลดเครดิตเทอม การดูแล SMEs เรื่องภาระหนี้สิน ช่วยคู่ค้าธุรกิจมีโอกาสเข้าถึ งแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ซีพีเอฟเป็นบริษัทที่มี ความโดดเด่นที่มีการดำเนิ นการในเรื่องนี้ เพราะความสำเร็จไม่ได้ขึ้นกั บองค์กรเราโดยลำพัง เราต้องพาคู่ค้าเราไปด้วย ต้องให้ความสำคัญกับคู่ค้า ดูแลอย่างเป็นธรรม จึงจะเป็นความยั่งยืน สิ่งเหล่านี้เป็นผลสะท้อนให้ซี พีเอฟเข้าไปอยู่ในทำเนียบESG 100 ในปีนี้” ดร.พิพัฒน์ กล่าว ./