กรมวิชาการเกษตร แนะปราบเพลี้ยจักจั่นมะม่วงช่วงออกดอก
ระยะนี้เข้าสู่ช่วงที่มะม่วงเริ่ มแทงช่อดอกจนถึงระยะพัฒนาผล กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรชาวสวนมะม่วงให้เฝ้ าระวังสังเกตการเข้ าทำลายของเพลี้ยจักจั่นมะม่วง มักพบตัวอ่อนและตัวเต็มวัยเข้ าทำลายใบอ่อน ช่อดอก ก้านดอก และยอดอ่อน โดยระยะที่มะม่วงกำลั งออกดอกจะเกิดความเสียหายมากที่ สุด เพลี้ยจักจั่นมะม่วงจะดูดกินน้ำ เลี้ยงจากช่อดอก ทำให้ดอกแห้ง ดอกร่วง และติดผลน้อยหรือไม่ติดผล ขณะที่เพลี้ยจักจั่นดูดกินน้ำ เลี้ยงจะถ่ายมูล เป็นน้ำหวานเหนียวๆ ติดตามใบ ช่อดอก ผล และรอบทรงพุ่ม ทำให้ใบเปียก เกิดราดำปกคลุมมาก ส่งผลต่อการสังเคราะห์แสงของใบ ส่วนใบอ่อน (ใบเพสลาด) จะบิดงอโค้งลง ให้สังเกตด้านใต้ใบมี อาการปลายใบแห้งได้
หลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิ ตมะม่วง ให้เกษตรกรตัดแต่งกิ่งทรงพุ่มต้ นมะม่วงให้โปร่งอยู่เสมอ เพื่อช่วยลดที่หลบซ่อนต่ อการแพร่ขยายพันธุ์ของเพลี้ยจั กจั่นมะม่วง จากนั้น ให้เกษตรกรพ่นด้วยสารฆ่ าแมลงแลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5% อีซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารคาร์บาริล 85% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 60 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารอิมิดาโคลพริด 10% เอสแอล อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร เพื่อช่วยให้การพ่นสารฆ่าแมลงมี ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น เกษตรกรควรปรับหัวฉีดให้เป็ นแบบละอองฝอย และพ่นให้ทั่วถึงทั้งลำต้ นในระยะก่อนที่มะม่วงจะออกดอก 1 ครั้ง มิเช่นนั้น ตัวเต็มวัยจะย้ายไปหลบซ่อนยั งบริเวณที่พ่นสารฆ่าแมลงไม่ทั่ วถึง ส่วนในระยะที่ช่อดอกบานแล้วไม่ ควรพ่นสารฆ่าแมลง เพราะอาจเป็นอันตรายต่ อแมลงผสมเกสร และเกษตรกรควรหมั่นตรวจดูตามช่ อดอกอยู่เรื่อยๆ ซึ่งหากไม่มีการป้องกันกำจัดแล้ ว มะม่วงจะไม่ติดผลเลย
นอกจากนี้ ให้เกษตรกรใช้วิธีในการป้องกั นกำจัดเพลี้ยจักจั่นมะม่ วงแบบผสมผสาน โดยให้เกษตรกรใช้น้ำ ฉีดล้างช่อดอกและใบ เพื่อช่วยแก้ปัญหาช่ อดอกและใบดำจากโรครา หากแรงอัดฉีดของน้ำแรงพอก็ช่ วยให้เพลี้ยใน ระยะตัวอ่อนกระเด็นออกจากช่ อดอกได้ แต่ให้ระมัดระวังอย่าฉีดน้ำ ไปกระแทกดอกมะม่วงแรงจนเกินไป เพราะอาจทำให้ดอกหรือผลที่เริ่ มติดร่วงได้ และให้เกษตรกรใช้กับดักแสงไฟดั กจับตัวเต็มวัยเพลี้ยจักจั่ นมะม่วงที่บินมาเล่นไฟ เพื่อช่วยลดความความเสียหาย