เศรษฐกิจช่วงนี้นับว่าแย่และฝืดเคืองมากกว่าปี 2540 หรือเมื่อวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง เมื่อ 23 ปีก่อน
วิกฤต 40 แย่อย่างไรผมเชื่อว่าหลายท่านที่เคยประสบก็จะรู้โดยเฉพาะรายที่เคยกู้เงินจากต่างประเทศมาใช้แทบจะกระอักเลือด เนื่องจากการลอยตัวของค่าเงินบาท สมมุติคุณกู้เงินมา 1 ล้านเหรียญ หรือ 30 ล้านบาทไทย (อัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้นประมาณ 1 ดอลล่าร์เท่ากับ 30 บาท) แต่เมื่อลอยค่าเงินบาทจากเดิม 1 ดอลล่าห์เท่ากับ 30 บาทก็กลายเป็น 1 ดอลล่าห์เท่ากับ 49-50 บาท
จากเดิมที่กู้มา 30 ล้าน คิดอัตราดอกเบี้ย 1% คือ 3 แสนบาทแต่เมื่อลอยตัวค่าเงินก็จะกลายเป็นกู้มา 50 ล้าน ดอกเบี้ย 5 แสนบาท ส่งผลให้ธุรกิจใหญ่ๆจำเป็นต้องโบกมือลา
บางธุรกิจดึงต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในหลายธุรกิจโดยเฉพาะภาคการเงิน นอกจากนี้เราต้องยืมเงินจาก IMF มาต่อลมหายใจให้กับภาครัฐ
ในช่วงเวลานั้นชนชั้นบนดิ้นสุดฤทธิ์ ส่วนชนชั้นกลางและล่างแม้จะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็ยังอยู่ได้เพราะแรงงานกลับเข้าสู่ภาคการเกษตร
ทั้งหมดคือหนังเก่าฉบับย่อที่ต้องการให้หลายคนเห็นภาพเดียวกัน คราวนี้มาดูหนังใหม่ที่ไม่ต้องเล่าให้ยาวเพราะSME ส่วนใหญ่กำลังประสบชะตากรรมที่คล้ายกันนั่นคือ
ลูกค้าหายไปจากช่องทางปกติไปสู่ช่องทางออนไลน์ ทว่า SME หลายแห่งปรับตัวไม่ทันจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตามทำให้ธุรกิจขาดสภาพคล่อง เงินหมุนเวียนในธุรกิจลดน้อยลง ส่งผลโดยตรงต่อการแข่งขันและการปรับตัว
การเข้าถึงแหล่งเงินทุนก็ยังเป็นปัญหาอันดับต้นๆ เพราะSME ระดับเล็กและไมโครหรือรายย่อยจำนวนไม่น้อยไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ เนื่องจากเงื่อนไขที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้พวกเขาต้องไปใช้บริการเงินกู้นอกระบบ
ผลกระทบจากไวรัสโควิทก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้คนไม่กล้าออกจากบ้าน ไม่กล้าเดินห้าง ไม่ไปเดินในที่สาธารณะ ส่งผลให้งานอีเวนต์ใหญ่ๆที่จะกระตุ้นลมหายใจในหลายอุตสาหกรรมต้องถูกยกเลิก ในภาคการท่องเที่ยวยิ่งแล้วใหญ่
เมื่อนักท่องเที่ยวจีนไม่สามารถมาเที่ยวเมืองไทย ส่งผลให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบ อยู่ในสภาพที่หายใจรวยนะริน
ยังไม่นับภัยแล้งที่ส่อเค้าว่าน่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกเหนือเขื่อนต่างๆ ลดลง ปริมาณการกักเก็บน้ำย่อมลดลง ย่อมส่งผลต่อภาคการเกษตร
หากรัฐแก้ไม่ตรงจุดหรือใช้วิธีการปกติแก้ปัญหาในยามวิกฤตโอกาสที่ปัญหาจะลุกลามใหญ่โตย่อมที่จะสูง ฉะนั้นรัฐต้องหันมาให้ความสำคัญเร่งด่วนกับมาตราการเหล่านี้
1.การพักหนี้ อาจจะพัก 1-2 ปี เพื่อลดปัญหาให้ SME ซึ่งกำลังตกอยู่ในวงล้อมของสารพัดปัญหาได้มีโอกาสพักหายใจ มีเวลาสะสมทุนหรืออย่างน้อยก็ยังให้ยืนหยัดอยู่รอด
2.Hair Cut หนี้ ลดต้น ลดดอก ชำระก้อนเดียวจบหรือผ่อนชำระในระยะสั้น
3.จัดตั้งกองทุนที่คล้ายกับกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีกู้ได้ไม่เกิน 2แสน ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.1% ต่อปี สามารถชำระเท่าไหร่ก็ได้ในแต่ละเดือนทว่าต้องใช้ชำระให้หมดใน 2ปี เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับSME
มาตราทั้ง 3 จะสร้างสภาพคล่องให้กับธุรกิจ SME มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้เกิดความเข้มแข็งและมีประโยชน์มากกว่าการแจกเงินเพื่อให้เกิดการจับจ่าย
โดย: เปี่ยมศักดิ์ คุณากรประทีป