2 สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ภายใต้กระทรวงการคลัง “SME D Bank” และ “EXIM BANK” สร้างมิติใหม่ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ไทย ผนึกกำลังเดินหน้าโครงการ “SME D EXIM ARI CONNEXT” เชื่อมโยงการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ได้ครอบคลุมทุกระดับและทุกกลุ่มธุรกิจอย่างไร้รอยต่อ ทั้งด้านแหล่งทุน และด้านพัฒนาเพิ่มทักษะความรู้ ผลักดันสู่การเติบโตยั่งยืน
21 ก.ค.66/ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank และ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “การส่งเสริมแหล่งทุนและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs สู่การค้าระหว่างประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน” (โครงการ “SME D EXIM ARI CONNEXT” เติมทุน เสริมทักษะ ยกระดับ SMEs ไทย สู่เวทีโลก)
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 หน่วยงานจะร่วมกันขับเคลื่อนและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทย ผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน และส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงบริการด้านการเงิน ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อหรือร่วมลงทุน ควบคู่ด้านการพัฒนา ช่วยเพิ่มศักยภาพธุรกิจ ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขัน ผลักดันกิจการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐแต่ละแห่ง ต่างมีภารกิจหลัก และจุดเด่นเฉพาะตัว ความร่วมมือครั้งนี้จะนำจุดเด่นของทั้ง SME D Bank และ EXIM BANK มาให้บริการผู้ประกอบการ SMEs ได้อย่างครบถ้วน โดยเชื่อมโยงข้อมูล และส่งต่อการให้บริการระหว่างกันตามความเหมาะสมของผู้ประกอบการ SMEs แต่ละราย เปิดโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน รวมถึงได้รับเสริมทักษะเติมความรู้จากทั้งสองสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ SME D Bank พร้อมให้บริการด้าน “การเงิน” ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อเอสเอ็มอี คลอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ นำไปใช้ได้ทั้งเสริมสภาพคล่องกิจการ ลงทุน ปรับปรุง ขยาย ปรับเปลี่ยนธุรกิจ เงินทุนหมุนเวียน หรือรีไฟแนนซ์ วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน ผ่อนชำระนานสูงสุด 15 ปี และปลอดชำระเงินต้นสูงสุดถึง 24 เดือน ควบคู่บริการด้าน “การพัฒนา” ผ่านโครงการ SME D Coach ให้บริการคำปรึกษาแนะนำ โดยโค้ชมืออาชีพ ช่วยเพิ่มศักยภาพให้เอสเอ็มอีเดินหน้าสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน
ด้าน ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า EXIM BANK บูรณาการการทำงานร่วมกับ SME D Bank อย่างไร้รอยต่อในครั้งนี้ เพื่อให้บริการเติมความรู้ เติมโอกาส เติมเงินทุนอย่างครบวงจรและตอบทุกโจทย์ (Total Solutions) ของผู้ประกอบการ SMEs ไทยตลอด Supply Chain ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เชื่อมโยงไปสู่ Supply Chain การค้าโลก
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการที่เข้ามาติดต่อ EXIM BANK จะได้รับอบรมบ่มเพาะโดย EXIM BANK ร่วมกับ SME D Bank และพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนจนสามารถเริ่มต้นและดำเนินธุรกิจภายในประเทศได้อย่างแข็งแรง เมื่อพร้อมจะขยายธุรกิจสู่การส่งออก ทั้งสองธนาคารพร้อมสนับสนุนวงเงินหมุนเวียน (Working Capital) และเงินกู้ (Loans) ในรูปแบบ อัตราดอกเบี้ย และเงื่อนไขที่ผ่อนปรน ด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะของทั้งสองสถาบันการเงินที่แตกต่างกัน ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจภายในประเทศจะได้รับการสนับสนุนโดย SME D Bank และผู้ส่งออกที่ต้องการเงินทุนเกิน 50 ล้านบาทจะได้รับการสนับสนุนโดย EXIM BANK
นอกจากนี้ EXIM BANK ยังมีเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ เช่น ประกันการส่งออก คุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ บริการสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าและประกันค่าเงิน สำหรับบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น
“SMEs ในระบบมีจำนวนมากกว่า 3 ล้านราย แต่มีบทบาทต่อ GDP เพียง 35% และเป็นผู้ส่งออกไม่ถึง 1% ซึ่งนับเป็นสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน EXIM BANK จึงเร่งสานพลังกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ส่งออก SMEs เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองสำคัญขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของไทยและโลก” ดร.รักษ์ กล่าว
กัลฑภรณ์ สุขเย็น รายงาน